รศ.นพ.วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ อาจารย์แพทย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์-นารีเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า ไข้ทับระดูสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ได้แก่ ไข้ทับระดูที่ไม่มีสภาวะอื่นแอบแฝง จะมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัด ทานยาแก้ปวดลดไข้ก็หายได้ สาวๆจึงไม่ต้องกังวล เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นระหว่างมีประจำเดือน ซึ่งบางครั้งอาจมีอาการอ่อนเพลียหรือปวดประจำเดือนร่วมด้วย
ส่วนไข้ทับฤดูที่มีสภาวะโรคแอบแฝง จะมีอาการไข้ขึ้นสูง หนาวสั่น ปวดหลัง คลื่นไส้ อาเจียน และปวดท้องน้อย มีตกขาวปนหนองออกมาระหว่างมีประจำเดือน ซึ่งบางครั้งประจำเดือนอาจมีมากผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น หากมีอาการจะรุนแรงมากขึ้นในทุกๆรอบเดือนนั่นเป็นสัญญาณของ "โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง"
ขณะมีประจำเดือน ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น เอสโตเจนและโปรเจสเตอโรน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ระบบร่างกายเสียสมดุล มีภูมิต้านทานลดน้อยลง จึงมีโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อง่ายกว่าปกติ อีกทั้งมีโอกาสติดเชื้อในมดลูก และปีกมดลูกได้มากกว่าปกติอีกด้วย
"ไข้ทับระดู" หรือทางการแพทย์เรียกว่า "โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรัง" เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ที่ติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ หรือการไม่รักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น นอกจากนี้ยังเป็นที่มาของโรคปีกมดลูกอักเสบ ที่เกิดจากการได้รับเชื้อแบคทีเรียตัวเดียวกัน ทางการแพทย์เรียกเชื้อแบคทีเรียนี้ว่า "คลามีเดีย" ซึ่งจะเข้าไปทำลายท่อรังไข่ หรืออวัยวะใกล้เคียง หากไม่ได้รับการรักษา จะเกิดการอักเสบของอุ้งเชิงกรานสูงถึงร้อยละ 40 ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา เช่น เป็นหมัน มีบุตรยากหรือเสียชีวิตได้ในที่สุด โดยมักจะเกิดกับผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 25 ปี เนื่องจากปากมดลูกยังไวต่อการติดเชื้อ
อาการแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกคือ เกิดฝีหนองในอุ้งเชิงกราน ที่ส่งผลให้ไข้เพิ่มสูงขึ้นและมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง บางรายต้องให้ยาฆ่าเชื้อปฏิชีวนะ บางรายถึงกับหนองแตกในท้อง ต้องเข้ารับการผ่าตัด
หากเปรียบเทียบระหว่างผู้ใหญ่อายุ 40 ขึ้นปีขึ้นไป ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายย่อมทำงานได้ไม่เต็มที่เมื่อเทียบกับเด็กสาวที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์ เมื่อสภาพร่างกายแข็งแรงการฉีดยาระหว่างมีประจำเดือนย่อมไม่ส่งผลให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ขณะเดียวกันจะพบว่าช่วงวัยเจริญพันธ์มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรังสูงกว่าผู้ใหญ่เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
รู้อย่างนี้แล้วสาวๆอย่าได้ละเลยการใส่ใจสุขภาพในช่วงวันนั้นของเดือนนะคะ หมั่นดูแลรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ้อนเร้น ไม่จำเป็นอย่าใช้น้ำยาฆ่าเชื้อล้างทำความสะอาด เพราะอาจทำลายเชื้อแบคทีเรียตัวที่ดีในช่องคลอด ที่สำคัญพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ งดการดื่มเครื่องดื่มแฮลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ และเปลี่ยนผ้าอนามัยไม่ต่ำกว่า 2 ชิ้นในหนึ่งวันเพื่อสุขอนามัย และควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงมีประจำเดือน เพราะมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อสูง ทำให้โรคค่อนข้างรุนแรง
เรียบเรียงข้อมูลจาก: thaihealth.or.th โดย กิตติยา ธนกาลมารวย